ระหว่างวันที่ ๑๗ – ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยถือเป็นการเสด็จฯ เยือนไทยครั้งแรกในระดับราชวงศ์และระดับผู้นำประเทศซาอุดีอาระเบีย ภายหลังการเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี และการปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียให้กลับสู่ระดับปกติอย่างสมบูรณ์
เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งการเข้าเฝ้าฯ ในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ โดยเป็นการพบกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างพระบรมวงศานุวงศ์ของทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้ มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทรงเข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก (Asia – Pacific Economic Cooperation: APEC) ครั้งที่ ๒๙ ในฐานะแขกพิเศษของประธาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจริงใจของไทยที่จะส่งเสริมความร่วมมือกับซาอุดีอาระเบียทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี และความสนใจของซาอุดีอาระเบียในการเข้ามามีบทบาทที่ สร้างสรรค์ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก โดยมีไทยเป็นหุ้นส่วน ในการนี้ มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียทรงร่วมการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษ (APEC Leaders’ Informal Dialogue with Guests) เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ Sustainable Growth และทรงหารือทวิภาคีกับผู้นำเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ด้วย
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และมกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ยังได้หารือเต็มคณะที่ทำเนียบรัฐบาล โดยทั้งสองฝ่ายย้ำความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีและพหุภาคีในทุกมิติ รวมทั้งหารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพระหว่างกัน โดยเฉพาะสาขาการเมืองและความมั่นคง สาขาเศรษฐกิจและการลงทุน สาขาวิทยาศาสตร์และการวิจัย รวมทั้งสาขาความร่วมมือด้านฮัจย์ และส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคตะวันออกกลางและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายหลังการระบาดของโรคโควิด-๑๙
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานในการแลกเปลี่ยนความความตกลงและบันทึกความเข้าใจ จำนวน ๕ ฉบับ ได้แก่
(๑) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งสภาความร่วมมือซาอุดี – ไทย
(๒) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
(๓) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียกับกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทย
(๔) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียและ
(๕) บันทึกความเข้าใจระหว่างองค์กรกำกับดูแลและต่อต้านการทุจริต ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
นอกจากนั้น ในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท และทรงเข้าร่วมพิธีทูลเกล้าถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาศาสตร์แห่งแผ่นดินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Doctor of Philosophy Knowledge of the Land for Sustainable Development) โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อีกทั้งทรงพระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะผู้แทนจุฬาราชมนตรีเข้าเฝ้าด้วย
แหล่งข่าว:
กระทรวงการต่างประเทศ