ดัชนีความมั่นใจผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงในเดือนกรกฎาคม สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน เมื่อราคาสินค้าที่สูงยังคงมีผลต่อมุมมองของประชาชนเรื่องสถานะทางการเงินของตน ตามรายงานของบลูมเบิร์ก
มหาวิทยาลัย University of Michigan ผู้จัดทำและเก็บสถิติการประเมินมุมมองของผู้บริโภค เปิดเผยว่าดัชนีความมั่นใจผู้บริโภคสหรัฐฯ อ่อนตัวในเดือนกรกฎาคม มาอยู่ที่ 66.4 จาก 68.2 ในเดือนมิถุนายน
ก่อนหน้านี้ตัวเลขขั้นต้นของเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 66
ผู้บริโภคคาดว่าราคาสินค้าจะเพิ่มขึ้น 2.9% ในปีหน้าเทียบกับปีนี้ ถือว่าไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงจากการสำรวจในเดือนมิถุนายน ซึ่งอยู่ที่ 3%
และผู้บริโภคยังคงคาดว่าราคาสินค้าจะแพงขึ้น 3% ในแต่ละปีจากนี้ไปอีก 5 – 10 ปี จากการสำรวจในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการมองอนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนที่เเล้ว
ความมั่นใจผู้บริโภคในสหรัฐฯ ถดถอยลงตั้งเเต่ไตรมาสเเรกของปี ที่สะท้อนค่าครองชีพและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูง
เเม้ว่าเงินเฟ้อจะลดความร้อนเเรงลง ระดับค่าเเรงชาวอเมริกันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก และประชาชนจำนวนมากได้ใช้เงินที่เคยออมได้ในช่วงโควิดระบาดไปแล้ว
ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำผลสำรวจความมั่นใจผู้บริโภค โจแอน ซู กล่าวในเเถลงการณ์ว่า ความมั่นใจผู้บริโภค “เพิ่มขึ้น 33% จากจุดต่ำสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2022 แต่ยังคงภาวะระแวดระวัง เมื่อราคาสินค้าที่สูงยังคงถ่วงมุมมองของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีรายได้น้อย”
ดัชนีที่สะท้อนถึงมุมมองผู้บริโภคต่อสภาพการณ์ปัจจุบัน ต่ำลงมาอยู่ที่ 62.7 ถือว่าน้อยที่สุดตั้งเเต่สิ้นปี 2022 ส่วนดัชนีที่สะท้อนความคาดหวังในอนาคต ลดลงมาอยู่ที่ 68.8 เท่ากับจุดต่ำสุดของปีนี้
ขณะที่ดัชนีที่สะท้อนมุมมองเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของตน ถอยลงมาอยู่ต่ำสุดตั้นเเต่เดือนตุลาคม ส่วนความมั่นใจในการซื้อสินค้าคงทนอยู่ที่จุดต่ำสุดตั้งเเต่เมื่อสิ้นปี 2022
รายงานอีกฉบับหนึ่งที่ถูกเปิดเผยในวันศุกร์ชี้ให้เห็นว่า ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นในอัตราที่แผ่วในเดือนมิถุนายน ซึ่งน่าจะเปิดทางให้ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดดอกเบี้ยลงได้เร็ว ๆ นี้ตามรายงานของบลูมเบิร์ก
- ที่มา: บลูมเบิร์ก
(ที่มา: VOA)