จีนออกโรงโต้รายงานที่ว่า สินค้าราคาถูกจากประเทศของตนได้ทะลักเข้ามาในตลาดไทยจนทำให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นเดือดร้อนหนัก
สถานทูตจีนประจำประเทศไทยโพสต์แถลงการณ์ทางบัญชีเฟซบุ๊กทางการของตนเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมาว่า การค้าขายระหว่างจีนและไทยนั้น “เป็นประโยชน์ต่างตอบแทนให้กันในแบบ ‘วิน-วิน’ (ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่)” และว่า “เกือบ 80% ของสินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีนนั้นเป็นสินค้าทุน (capital goods) และสินค้าขั้นกลาง (intermediate goods) ที่นำไปใช้ในกระบวนการผลิตและเพื่อเพิ่มมูลค่าก่อนจะนำไปส่งออกต่อไป”
แถลงการณ์นี้ยังกล่าวด้วยว่า สินค้าที่เรียกกันว่าเป็น ของราคาถูกส่วนใหญ่นั้น “เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาหาร ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ และอื่น ๆ ซึ่งมีสัดส่วนไม่ถึง 10% ของมูลค่าสินค้าที่มีการนำเข้าจากจีน”
การออกแถลงการณ์โต้คำกล่าวหาของทางการจีนนี้มีออกมาหลังรัฐบาลไทยประกาศมาตรการใหม่เพื่อรับมือกับการหลั่งไหลเข้ามาของสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีนที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับภาคการผลิตของประเทศ
ก่อนหน้านี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเคยออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า สินค้าราคาถูกของจีนอาจทำให้เกิด “สึนามิ” ถล่มไทยและประเทศในภูมิภาคนี้ โดยอ้างว่า สินค้าต้นทุนต่ำที่ทะลักเข้ามาในประเทศเมื่อปี 2023 มีส่วนทำให้โรงงานเกือบ 2,000 แห่งต้องปิดตัวลงไปแล้ว
ศาสตราจารย์ภวิดา ปานะนนท์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกกับ วีโอเอ ในการสัมภาษณ์ผ่านระบบซูม ว่า สินค้าจีนที่มีราคาถูกหรือแม้แต่กรณีของทุนจีนนั้นกระจุกอยู่ในธุรกิจอี-คอมเมิร์สและอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก พร้อมให้ความเห็นว่า ขณะที่ การลงทุนจากจีนนั้นช่วยกระตุ้นตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามาไทยได้เป็นอย่างดี ประเด็นนี้ก็ส่งผลให้ธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็กจำนวนมากอยู่ไม่รอดด้วยเช่นกัน
ศาสตราจารย์ภวิดา กล่าวด้วยว่า ขณะที่ จีนกำลังเผชิญข้อจำกัดในการจัดจำหน่ายสินค้าของตนในหลายตลาดอยู่ จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่า ผู้ประกอบการจีนถึงตัดสินใจหันมามุ่งเน้นตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก็หมายความว่า ตลาดเหล่านี้ต้องเผชิญความเสี่ยงกับการแข่งขันโดยตรงจากสินค้าจีนที่มีราคาถูกกว่า และในความเห็นส่วนตัวนั้น คิดว่า เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงกระทบที่หนักขึ้น หากมองในระยะยาว
ทั้งนี้ สถานทูตจีนในไทยได้อ้างข้อมูลสถิติเบื้องต้นในแถลงการณ์ของตนที่ชี้ว่า มีบริษัทจีนกว่า 1,000 แห่งที่มาลงทุนในไทย และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการยื่นเรื่องขอการสนับสนุนโครงการลงทุนของจีนจำนวน 588 โครงการที่มีมูลค่ารวมเกือบ 7,000 ล้านดอลลาร์กับรัฐบาลไทย โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานใหม่และการผลิตทันสมัย
รองศาสตราจารย์นิสิต พันธมิตร หัวหน้าศูนย์อาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ความเห็นว่า หากรัฐบาลไทยไม่สามารถออกมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นออกมาแก้ปัญหาผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อยของไทยในเร็ว ๆ นี้ ยอดขายสินค้าที่ผลิตในไทยก็อาจตกฮวบรุนแรง และบางรายการก็อาจถูกสินค้าจีนเบียดมาแทนที่ในที่สุด
- ที่มา: วีโอเอ
(ที่มา: VOA)