34°
Clouds, June 12, 2025 in Bangkok
Breaking News
รัฐบาล ขันน็อตทุกส่วนราชการ เร่งจัดการแก้ไขปัญหานำเข้าสินค้าเถื่อน  การสวมสิทธิ์ ธุรกิจต่างชาติผิดกฎหมาย และนอมินี 
  | ข่าว24
ข่าวธุรกิจ
0

รัฐบาล ขันน็อตทุกส่วนราชการ เร่งจัดการแก้ไขปัญหานำเข้าสินค้าเถื่อน การสวมสิทธิ์ ธุรกิจต่างชาติผิดกฎหมาย และนอมินี | ข่าว24


10/06/2568

พิมพ์

 


รัฐบาล ขันน็อตทุกส่วนราชการ เร่งจัดการแก้ไขปัญหานำเข้าสินค้าเถื่อน การสวมสิทธิ์ ธุรกิจต่างชาติผิดกฎหมาย และนอมินี

ย้ำต้องใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดไปพร้อมๆ กับการสร้างความยุติธรรมให้ประชาชน ยกระดับเครดิตในทุกมิติของประเทศไทยในระยะยาว

วันนี้ (10 มิถุนายน 2568) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย โดยมีนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์  นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม  นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นายเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม  พลตำรวจโท ภานุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
 
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเป้าหมายของการประชุมในวันนี้ว่า เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจ ต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย หลังจากมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ เร่งดำเนินการในคราวประชุมเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ที่ผ่านมาทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ควบคู่ไปกับการสร้างความยุติธรรมให้กับประชาชน เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สอบถามความคืบหน้าการดำเนินการใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) การจดทะเบียนของบริษัทนอมินี (2) การลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน (3) การลักลอบสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทย และ (4) โรงงานต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมาย  โดยที่ประชุมได้รายงานการดำเนินมาตรการในประเด็นสำคัญ ในการจับกุม และปราบปราม และแก้ไขปัญหาดังนี้ 

1) การจดทะเบียนของบริษัทนอมินี โดยคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (NOMINEE) ภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย จัดประเภทธุรกิจ ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นนอมินีของคนต่างด้าว เป็น 6 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ (1) ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง (2) ธุรกิจค้าที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ (3) ธุรกิจ e-Commerce ขนส่ง และคลังสินค้า (4) ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร (5) ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และ (6) ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป ผลการดำเนินการในช่วง ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 – 31 พฤษภาคม 2568 หน่วยงานต่างๆ ได้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิด 861 ราย และมูลค่าความเสียหายรวม 15,296 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินได้ร่วมลงนาม MOU การแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้คนไทยถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว และ จัดตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมาย (ระดับจังหวัด) เพื่อปูพรมในการลงตรวจสอบธุรกิจในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ในขั้นตอนต่อไป เพื่อเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันให้เกิดความเป็นเอกภาพทั้งใน ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในการเร่งรัดปราบปรามการกระทำความผิดนอมินี โดยคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

ให้สำนักงาน ปปง. ผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ …) พ.ศ. …. เพิ่มฐานความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเป็นความผิดมูลฐาน)เร่งเสนอเข้าสู่ ครม. และรัฐสภาพิจารณาตามลำดับ

 ให้กระทรวงมหาดไทย เร่งรัดสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายในระดับจังหวัดเพื่อตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน จับกุม และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนอมินี

ให้คณะทำงานเพื่อปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจที่ฝ่าฝืนกฎหมายในระดับจังหวัด เร่งรัดดำเนินการตามแผน และกรอบระยะเวลาที่กำหนด

2) การลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน มีผลการดำเนินการสำคัญได้แก่ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากผู้นำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท โดยตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 – 29 พฤษภาคม 2568 จัดเก็บภาษีฯ มูลค่ารวม 1,875 ล้านบาท และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด อาทิ เพิ่มอัตราการเปิดตู้สินค้า FCL (Full Container Load) เพื่อตรวจสอบให้มากที่สุดจากเดิมร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 30 ลดจำนวนรายการในใบขนสินค้าเร่งด่วน (Express) ประเภทที่ 2 จากเดิม 250 รายการเหลือ 40 รายการต่อใบขนสินค้าเร่งด่วนโดยกรมศุลกากร รวมทั้งเข้มงวดการตรวจสอบสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐานโดยตรวจสอบการขออนุญาตนำเข้า เช่น มอก. และ อย. สินค้าผิดกฎหมายและสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 

 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 – พฤษภาคม 2568 สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว จำนวน 57,739 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 2,287.64 ล้านบาท รวมถึงการดำเนินมาตรการ Notice & Takedown บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 – เดือนพฤษภาคม 2568 (9 เดือน) โดย สมอ. และ อย. ตรวจสอบโฆษณาและสินค้าผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ จำนวนทั้งสิ้น 38,473 รายการ/เว็บไซต์ พบกรณีเข้าข่ายกระทำผิดและแจ้งเตือนไปยังแพลตฟอร์ม (Notice) จำนวน 15,256 รายการ/เว็บไซต์ และแพลตฟอร์มได้ดำเนินการถอดสินค้าดังกล่าวออกจากแพลตฟอร์ม (Takedown) จำนวน 14,976 รายการ/เว็บไซต์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้ดำเนินการลดระยะเวลาการไต่สวนมาตรการปกป้องและตอบโต้ทางการค้า ให้ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ซึ่งน้อยกว่ากรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด (AD/CVD 1 ปี 6 เดือน และ AC/Safeguard 1 ปี) และร่วมกับภาคเอกชนติดตามสถานการณ์สินค้าทะลักเพื่อพิจารณาใช้มาตรการ Safeguard

 3) การลักลอบสวมสิทธิ์เป็นสินค้าไทย กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้จัดทำรายการสินค้าเฝ้าระวังสำหรับการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบันมีจำนวน 49 รายการ (194 พิกัดฯ) ประกอบด้วยพิกัดศุลกากรระดับ 4 หลัก 6 หลัก และ 8 หลัก ทั้งนี้ หน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐอเมริกา  (U.S. Customs and Border Protection: CBP) ได้จัดส่งรายการสินค้าที่เสี่ยงสูงในการแอบอ้างถิ่นกำเนิดเพิ่มเติม จำนวน 16 รายการ (49 พิกัด) ประกอบด้วยพิกัดศุลกากรระดับ 6 หลัก ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน กรมการค้าต่างประเทศ ได้ดำเนินการวิเคราะห์ผลกระทบและความเสี่ยงของรายการสินค้าเฝ้าระวังดังกล่าว และได้จัดส่งให้ CBP เพื่อยืนยันความถูกต้องของพิกัดศุลกากรระดับ 10 หลัก เมื่อได้รับการยืนยันจาก CBP กรมฯ จะดำเนินการออกประกาศกรมการค้าต่างประเทศ ปรับเพิ่มรายการสินค้าเฝ้าระวัง จากเดิม 49 รายการ เป็น 65 รายการสินค้า (เพิ่ม 16 รายการ) ให้มีผลใช้บังคับต่อไป โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2568

โดยมี Timeline การดำเนินการ คือ ปรับปรุงรายการสินค้าเฝ้าระวังภายในเดือนมิถุนายน 2568 และอยู่ระหว่างออกประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางในการตรวจสอบถิ่นกำเนิด และปรับปรุงรายการสินค้าเฝ้าระวัง คาดว่าจะเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2568 ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศได้มีการประชาสัมพันธ์/จัดอบรมให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อทราบแนวทางการขอหนังสือ รับรองจากกรมการค้าต่างประเทศ: เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป

4) โรงงานต่างชาติฝ่าฝืนกฎหมาย กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานการดำเนินการตรวจสอบโรงงาน/สถานประกอบการของกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 4 มิถุนายน 2568 พบว่ามีการประกอบ กิจการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย จำนวน 79 แห่ง นอกจากนี้ มีประเด็นข้อสังเกต เกี่ยวกับ  การนำเข้า/ส่งออกของเสียเคมีวัตถุโดยโรงงาน อุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในเขตปลอดอากร หรือเขตประกอบการเสรี   การนำเศษโลหะปะปนขยะ อิเล็กทรอนิกส์ (เศษแผงวงจรไฟฟ้า) เข้ามาในประเทศ และ การกำหนดแนวทางการควบคุมการนำเข้า ส่งออก และนำผ่าน ของเสียแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า  เป็นต้น

ที่มา: ข่าวกระทรวง – ด้านเศรษฐกิจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *