ธนาคารเฟิร์ส ซิติเซน ตกลงเข้าซื้อกิจการธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ที่เพิ่งล้มไปในเดือนนี้ หวังยุติปฏิกิริยาลูกโซ่และสร้างความเชื่อมั่นในระบบสถาบันการเงินทั่วโลกให้กลับมา ตามรายงานของเอพี
ข้อตกลงของธนาคารเฟิร์ส ซิติเซนที่ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ จะเข้าซื้อเงินฝากและเงินกู้ของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ทั้งหมด และทำให้ลูกค้าธนาคารซิลิคอนแวลลีย์กลายเป็นลูกค้าของธนาคารเฟิร์ส ซิติเซนโดยอัตโนมัติ และทาง FDIC ระบุว่า มีสาขาธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ 17 แห่งที่จะเป็นมาเป็นสาขาของธนาคารเฟิร์ส ซิติเซนเมื่อวันจันทร์
ขณะที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์มากกว่าครึ่งหนึ่งจะยังเป็นของ FDIC และประเมินว่า FDIC ต้องแบกรับความเสียหายของเหตุธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ล้มเป็นมูลค่าราว 20,000 ล้านดอลลาร์
เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ ธนาคารใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ ซึ่งมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทเพื่อการลงทุนต่าง ๆ เริ่มประสบปัญหาการเงินครั้งใหญ่เมื่อลูกค้าที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่พากันถอนเงินเพื่อนำไปแก้ปัญหาการเงินของพวกเขา ทำให้ทางธนาคารต้องขายพันธบัตรในราคาขาดทุนเพื่อนำมาชดเชยเงินที่ถูกถอนออกไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งไม่สามารถแบกรับภาระได้อีกต่อไป และจากนั้นอีก 2 วันต่อมา ธนาคารซิกเนเจอร์ ก็ล้มตามมา
ในกรณีของธนาคารซิกเนเจอร์ ทางธนาคารคอมมูนิตี เห็นชอบที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์ของธนาคารซิกเนเจอร์ มูลค่า 2,700 ล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ก่อน
บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation) และหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินอื่น ๆ ต่างหยิบมาตรการต่าง ๆ เพื่อระงับผลกระทบในวงกว้างจากวิกฤตสถาบันการเงิน ด้วยการประกาศใช้มาตรการคุ้มครองและเข้าถึงเงินฝากให้กับลูกค้าของธนาคารลูกค้าของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์และธนาคารซิกเนเจอร์ที่ประสบปัญหาใหญ่เมื่อต้นเดือนมีนาคม
- ที่มา: เอพี
(ที่มา: VOA)