บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อคเชน ‘เชนาไลสิส’ Chainalysis เปิดเผยว่า การฉ้อโกงผ่านช่องทางเงินคริปโต น่าจะเพิ่มมากขึ้นสู่สถิติใหม่เมื่อปีที่เเล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขบวนการต้มตุ๋นที่เเพร่หลายและมีการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยมากขึ้น
รายได้จากการหลอกลวงที่มิจฉาชีพพยายามเข้ามาทำความรู้จักเหยื่อและหว่านล้อมให้ตกหลุมพราง เพิ่มขึ้นเกือบ 40% ในปีที่เเล้ว จากปีก่อนหน้า ตามข้อมูลของ Chainalysis ที่เปิดเผยการวิเคราะห์ออกมาในวันพฤหัสบดี
ในปี 2024 รายได้จากการหลอกลวงผ่านเงินดิจิทัล มีมูลค่าอย่างน้อย 9.9 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3 แสน 3 หมื่นล้านบาท และอาจสูงถึง 12,400 ล้านดอลลาร์ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมถูกเปิดเผยออกมา อ้างอิงจากรายงานฉบับนี้
บริษัท Chainalysis ระบุว่า “การฉ้อโกงคริปโตและการหลอกลวงโดยมิจฉาชีพ ยังคงเติบโตในความแยบยล” อีกด้วย
รายงานระบุด้วยว่าการใชัปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เข้ามาช่วยทำให้ผู้กระทำผิดทำงานได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีนี้สามารถทำให้มิจฉาชีพขยายปฏิบัติการในวงกว้างมากขึ้น “หลายเท่าทวีคูณ”
Chainalysis ซึ่งเก็บข้อมูลสาธารณะผ่านระบบบล็อกเชนเพื่อระบุรายได้ของธุรกรรมจากการต้มตุ๋น กล่าวว่าการฉ้อโกงผ่านเงินคริปโตเพิ่มขึ้น 24% ทุกปีโดยเฉลี่ย ต้ังเเต่ปี 2020
ราคาเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิตคอยน์ทะยานสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนหวังที่จะโกยกำไร และคนสนใจในเทคโนโลยีบล็อคเชนมากขึ้น และการลงทุนในรูปแบบนี้ยิ่งคึกคักเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง โดยนักลงทุนหวังว่า จากนี้กฎระเบียบจะเอื้ออำนวยขึ้นต่อเงินดิจิทัลยิ่งขึ้น
รูปแบบหนึ่งของการฉ้อโกงผ่านเงินดิจิทัล เรียกว่า คริปโตเดรเนอร์ ที่มิจฉาชีพเสนอโครงการบล็อกเชนและเข้าไปควบคุมคริปโตวอลเล็ตของเหยื่อ นอกจากนั้น ยังมีวิธีการหลอกเหยื่อให้ร่วมลงทุนที่เสนอผลตอบเเทนที่สูง ตามข้อมูลจากรายงานของ Chainalysis
เมื่อเดือนมกราคมปีที่เเล้ว มิจฉาชีพประเภทคริปโตเดรเนอร์ อ้างว่าเป็นคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.สหรัฐฯ และจากนั้นหลอกครอบครองดิจิทัลวอลเล็ตของเหยื่อ หลังจากที่แอคเคานท์ของก.ล.ต. บนเเพลตฟอร์ม X ถูกเจาะล้วง
อีกรูปเเบบหนึ่งของการฉ้อโกงเรียกว่า “ตู้เอทีเอ็มเงินคริปโต” ซึ่งก็คือการอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือพนักงานดูเเลลูกค้า ที่จะหว่านล้อมให้เหยื่อนำเงินสดมาฝากที่ตู้เอทีเอ็ม
- ที่มา: รอยเตอร์
(ที่มา: VOA)