นักเศรษฐศาสตร์กำลังให้ความสนใจมากขึ้น ถึงสัญญาณที่อาจบ่งชี้ความเสี่ยงต่อภาวะถดถอยทั้งของสหรัฐฯและประเทศต่าง ๆ เมื่อความตึงเครียดเรื่องการค้ากำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและชะลอกิจกรรมของภาคเอกชน
รอยเตอร์รายงานว่า เเม้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะไม่ได้อยู่ในความคาดหมายกระเเสหลักของบรรดานักวิเคราะห์ เพราะเศรษฐกิจอเมริกันมีความสามารถในการฟื้นตัวที่ดี แต่มีหลายปัจจัยที่ทำให้คนห่วงถึงภาพการขยายตัวในอนาคต
ปัจจัยเหล่านั้นประกอบด้วย ตัวเลขเศรษฐกิจที่เพิ่งถูกเปิดเผยออกมาไม่นานนี้ และการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและเเคนาดา 25% โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ
หุ้นทั่วโลก ตั้งเเต่ในสหรัฐฯ ไปจนถึงญี่ปุ่น ราคาต่ำลงจากที่เเตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี และผลตอบเเทนของพันธบัตรระยะ 2 ปีของรัฐบาลสหรัฐฯ ถอยลงมาที่จุดต่ำสุดตั้งเเต่เดือนตุลาคม โดยนักลงทุนมองว่าเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการลดดอกเบี้ยอีกไม่นานนี้
ฟรองซัวส์ ซาวารีย์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของบริษัท Genvil Wealth Management กล่าวว่า “มีสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจ นั่นก็คือความมั่นใจ”
เขาเสริมว่า “ผมไม่คิดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นแน่ ๆ แต่นั่นเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจลงทุนน้อยลงในหุ้น (สหรัฐฯ)” โดยตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงรุนเเรงที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่งเมื่อเดือนมกราคม ส่วนยอดค้าปลีกตกลงมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี นอกจากนั้น สถิติดัชนีกิจกรรมการผลิตสะท้อนว่าคำสั่งซื้อสินค้าใหม่และการจ้างงานต่ำลง
โจสต์ แวน ลีนเดอร์ นักยุทธศาสตร์การลงทุนอาวุโสของ Van Lanschot Kempen Investment Management ในอัมสเตอร์ดัม กล่าวว่า “ผมไม่คิดว่าเราจะเห็นเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ แต่เราเห็น (ความเป็นไปได้) ของการชะลอลงเล็กน้อยของการเติบโต”
เขากล่าวว่า ผู้บริโภครู้สึกไม่มั่นใจในนโยบายของสหรัฐฯ ที่ “โกลาหล” และว่าบริษัทของเขาลดการถือหุ้นสหรัฐฯ ในปลายเดือนมกราคม และเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ภายใต้สมมติฐานว่าผลตอบเเทนหรือ yield จะลดลงเมื่อเศรษฐกิจลดความร้อนเเรง
อีกด้านหนึ่ง โปรเเกรมวิเคราะห์เศรษฐกิจ GDPNow ของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานครแอตเเลนตา ปรับประมาณการณ์การขยายตัวของจีดีพี สหรัฐฯ ในไตรมาสเเรกของปี เมื่อวันจันทร์ มาอยู่ที่ ติดลบ 2.8% เทียบกับขยายตัว 2.3% เมื่อสัปดาห์ก่อน
นักวิเคราะห์ย้ำว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะดูผิดเพี้ยนจากภาพปกติเพราะปัจจัยพิเศษที่ไม่ใช่ตัวแปรระยะยาว เช่นอากาศที่หนาวเย็น และการนำเข้าในปริมาณที่มาก ภายใต้การคำนวณของโมเดลวิเคราะห์ของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตเเลนตา
แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่า หากเกิดสงครามการค้า การมองภาพเศรษฐกิจจะเปลี่ยนจุดโฟกัสจากเรื่องเงินเฟ้อไปเป็นความเสี่ยงต่อการเติบโตของจีดีพี เนื่องจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
บริษัทการเงิน Morgan Stanley พยากรณ์ว่า การขึ้นภาษีรอบใหม่ต่อจีน เม็กซิโกและเเคนาดา อาจจะลดการขยายตัวของเศรษฐกิจอเมริกัน ในระดับ 0.7% ถึง 1.1% ในหลายไตรมาสที่จะถึงนี้ และน่าจะส่งผลกระทบต่อจีดีพีเเคนาดา 2.2% ถึง to 2.8% ส่วนเศรษฐกิจเม็กซิโกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
บรรดากองทุนเฮจด์ฟันด์ ที่ซื้อหุ้นในตลาดต่างประเทศ ปรับเเนวทางลงทุนและหันมาคาดการณ์ว่าหุ้นจะตก ตามข้อมูลของบริษัทการเงิน Goldman Sachs ในวันจันทร์
Goldman Sachs ระบุด้วยว่า หุ้นสหรัฐฯ ที่ลดฮวบรุนเเรงที่สุดเมื่อเดือนที่เเล้วคือกลุ่มสินค้าและบริการที่ไม่ใช่หมวดจำเป็น โดยกลุ่มดังกล่าวมักเป็นตัวสะท้อนที่ดีของกำลังซื้อของผู้บริโภค
- ที่มา: รอยเตอร์
(ที่มา: VOA)
