นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าระดับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ในบรรยากาศโลกได้เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดในรอบหลายล้านปี ขณะนี้ ความเข้มข้นของ CO₂ ในบรรยากาศสูงกว่า 430 ส่วนในล้านส่วน (ppm) ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคไมโอซีนเมื่อประมาณ 14-16 ล้านปีก่อน
CO₂ เป็นก๊าซเรือนกระจกหลักที่กักเก็บความร้อนในชั้นบรรยากาศและเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน ก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ระดับ CO₂ ในบรรยากาศอยู่ที่ประมาณ 280 ppm แต่หลังจากมนุษย์ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติอย่างแพร่หลาย ระดับ CO₂ ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากสถานีตรวจวัดที่ภูเขาไฟเมานาโลอาในฮาวายและสถานีอื่น ๆ ทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มนี้อย่างชัดเจน
ระดับ CO₂ ที่สูงเช่นนี้ไม่ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์และสังคมโดยรวมด้วย เมื่อ CO₂ ในอากาศเพิ่มขึ้น คุณภาพอากาศในอาคารจะลดลง ส่งผลให้เกิดอาการสมาธิลดลง ปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย โดยเฉพาะเมื่อความเข้มข้นเกิน 600 ppm จะมีผลต่อการทำงานของสมองในระยะสั้น และหากเกิน 800 ppm จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง และปัญหาการนอนหลับ นอกจากนี้ ระดับ CO₂ ที่สูงขึ้นยังนำไปสู่ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ เช่น สภาพอากาศสุดขั้ว ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ
พื้นที่ที่ปล่อย CO₂ มากที่สุด ได้แก่ ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา อินเดีย และสหภาพยุโรป รวมถึงเมืองใหญ่ที่มีอุตสาหกรรมเข้มข้น โรงไฟฟ้า โรงงาน และยานพาหนะเป็นแหล่งปล่อย CO₂ หลัก ทำให้บางพื้นที่มีความเข้มข้นของ CO₂ สูงกว่าค่าเฉลี่ย การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนและมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง
